Friday, April 5, 2013

แยมสตรอเบอรื่...สูตรไม่ใส่เพคติน (Strawberry Jam without Pectin)

ช่วงนี้เห็นสตรอเบอรี่ถูกๆขายบ่อย แค่พาวด์ละเหรียญเอง เลยคิดที่จะทำแยมเองมานานละแต่ติดที่ไม่แน่ใจว่าไม่ใช้เพคตินแล้วจะเวิร์คมั้ย จนในที่สุดก็ได้ลงมือทำซะทีเพราะซื้อสตรอเบอรี่มาแล้วทานยังไม่หมดเหลืออีกแพคในตู้เย็น แถมหน้าตามันเริ่มดูไม่ค่อยจะน่ากินแบบสดๆเท่าไหร่ละเพราะเก็บมาสี่ห้าวันละ จะเก็บแช่ช่องแข็งไว้ปั่นกินก็เบื่อละ อย่ากระนั้นเลยเอามาลองหัดทำแยมดีฝ่า

ทำเสร็จพอได้ชิม โอ้ว....อร่อยมาก ขนาดทำครั้งแรกนะเนี่ย แบบไม่เคยคิดเลยว่าจะทำแยมสตรอเบอรี่เองได้ ง่ายมากๆด้วย ทำจากส่วนผสมแค่ 3 อย่างเอง แถมไม่ต้องใส่สารเพคตินด้วย (อิอิ จริงๆคือแอบงกนิดหน่อย เพราะราคาเพคตินก็ไม่ได้ถูกมากและไม่รู้จะซื้อมาเก็บไว้ทำไมเพราะคิดว่าคงไม่ได้ใช้ทำอะไรนอกจากทำแยม และถ้าทำไม่สำเร็จอีกเนี่ย คงเสียของเพราะจะทำครั้งเดียวแล้วคงไม่ทำอีกเลย)  เนื่องจากทำแล้วถูกใจมาก เลยต้องเขียนสูตรเก็บไว้ซะหน่อย \^o^/


แยมสตรอเบอรี่ ตักใส่ขนมปังมันสำปะหลังแดง(red potato bread)ที่ทำเองแบบเต็มๆคำ ฟินสุดๆ ณ จุดเน้ ^___^

ส่วนรสชาติของแยมสตรอเบอรี่ที่ทำเองเนี่ย มันจะหวานและเปรี้ยวพอดีๆที่ตัวเองชอบค่ะ เพราะใส่น้ำตาลน้อยกว่าที่สูตรของฝรั่งที่หาได้จากกูเกิ้ลมากพอสมควร และเวลาทานจะรู้สึกได้ถึงความสดของแยม  แต่การใส่น้ำตาลน้อยเนี่ยจากที่อ่านๆมาอาจมีผลเสียคือ เก็บไม่ได้นานเท่าแบบใส่น้ำตาลมากค่ะ  ซึ่งตอนที่ทำเนี่ย ก็กังวลอยู่ว่าจะเก็บได้นานเท่าไรเพราะตอนบรรจุก็ไม่ได้ทำการพาสเจอร์ไรส์ขวดอะไรทั้งสิ้นเลยค่ะ  แต่เอาเข้าจริงสรุปกินหมดภายในสามวันกว่าๆ ช่วยกันสองคนหมดเกลี้ยงไม่เหลือซากเลย ฮาฮาฮ่า เลยไม่สามารถบอกได้ว่าเก็บไว้ได้นานเท่าไรก่อนจะเสีย เวลากินกันนี่ก็ปาดกันเต็มที่เพราะมันรสชาติไม่หวานม๊ากมากจนเลี่ยนเหมือนแยมขวดที่ซื้อมาค่ะ
อ้อ.....เข้าใจละสงสัยที่เค้าว่าเก็บได้ไม่นาน เพราะกินกันหมดก่อนนี่เองมั้ง :D

พล่ามมามากละ มาดูส่วนผสมและวิธีทำคร่าวๆกันเลยค่ะ ส่วนใครจะเพิ่มลดปริมาณความหวาน ความเปรี้ยวยังงัย ทำได้ตามความชอบเลยนะคะ สูตรไม่ตายตัวค่ะ

ส่วนผสม (Ingredients):
  1. สตรอเบอรี่ 1 package (1 ปอนด์/package)
  2. น้ำตาลทราย 1/2 - 3/4 ถ้วย (จากสูตรที่หาจากกูเกิ้ล เค้าจะใส่ประมาณ 2 ถ้วยค่ะ) -ที่ไม่ได้ใส่น้ำตาลน้อยกว่านี้เพราะว่า กลัวว่ามันจะออกมาเหลวไม่จับตัวเป็นเนื้อแบบแยมค่ะ และก็จะคล้ายทำสตรอเบอรี่ไซรัปที่ไว้ทานกับแพนเค้กแทน  แต่ถ้าใครจะลองใส่น้อยกว่านี้ก็ลองดูได้เลยค่ะ
  3. เลมอน 1 ลูก (ใครหาไม่ได้ก็ใช้มะนาว แทนได้ค่ะ)
วิธีทำ:
- บดสตรอเบอรี่ในเครื่องปั่น หรือ ถ้าต้องการให้มีเนื้อเป็นชิ้นๆอยู่ด้วย ก็ให้แบ่งส่วนหนึ่งมาปั่น อีกส่วนหั่นเป็นชิ้น
- ใส่ส่วนผสมทุกอย่างรวมกันในกระทะเทปลอนขึ้นตั้งไฟกลางค่อนข้างแรง คอยกวนอย่าให้ไหม้ค่ะ
ที่สำคัญคืออย่าใช้ไฟอ่อนมากนะคะ เพราะอ่านเจอมาเพคตินในผลไม้ที่ทำให้ข้นเหนียวแบบแยมจะเกิดขึ้นเองต่อเมื่อใช้ไฟค่อนข้างแรงค่ะ

ตามสูตรที่ได้มาเค้าให้ปั่นเลยแต่แรก แต่ด้วยความขยันจัดไม่อยากใช้เครื่องปั่นเลยหั่นเป็นชิ้นเอา กะว่าจะบี้ในกระทะเอาทีหลัง ปรากฏเอาขึ้นเตาทำได้สักพัก ส่วนผสมยังเป็นน้ำยังไม่ยอมข้น เนื้อยังเป็นชิ้นๆ ณ จุดนั้น กลัวว่ามันจะไม่เป็นแยมเลยจัดการตักเนื้อบางส่วนเอาไปปั่น (ในที่สุดก็ต้องใช้เครื่องปั่น หุหุ) แล้วเทกลับลงในกระทะใหม่ก็ได้อย่างในภาพค่ะ เริ่มมีความหวังละ อิอิ



- คนส่วนผสมจนได้ความเข้มข้นที่ต้องการ น่าจะประมาณ 20-30 นาทีค่ะ เสร็จแล้วยกลงจากเตาเตรียมหม่ำได้เลย
ปล.: ตอนหลังๆถ้าเริ่มข้นมากหน่อยแล้ว แบบเนื้อดูว่าเพคตินธรรมชาติของสตรอเบอรี่ออกมาแล้ว จะลดความร้อนลงก็ได้นะคะ จะได้ไม่ไหม้ง่าย กวนจนได้ความหนืดแบบที่ต้องการก็เสร็จแล้วจ้า ที่ทำก็คนประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงค่ะ  เพราะทำครั้งแรกไม่กล้าเปิดไฟกลางแรงตั้งแต่แรก (ปล. ครั้งที่สองทำดูใหม่ ใช้เวลาแค่ 20 นาทีค่ะ) ทำง่ายแต่เสียเวลานิ้ดส์นึง แต่คุ้มกับความอร่อยและแน่ใจได้ว่าปลอดภัยเพราะไม่มีสารกันเสียหรือสารเคมีอื่นๆเจือปนเหมือนที่ซื้อเค้าทาน



 ตักขึ้นมาใส่ถ้วยแก้ว pyrex มีฝาปิดเตรียมเก็บ



ลองปาดแยมบนขนมปัง เห็นส่วนที่เป็นเนื้อสตรอเบอรี่เป็นชิ้นๆอยู่ด้วย ลองชิมดู ว้าว...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำแยมเองได้ ลองทำกันดูนะคะเพื่อนๆ



Friday, March 22, 2013

อาหารเช้าง่ายๆ...มัฟฟินผักโขม แฮม ชีส (Muffin with Ham, Cheddar Cheese and Spinach)

ปกติทำมัฟฟินเป็นอาหารเช้าอยู่บ่อยๆ ไว้กินกะกาแฟ เพราะทำง่าย แต่วันนึงก็เอ๊ะเริ่มไม่อยากกินอะไรหวานๆตอนเช้าอ่ะ เลยจัดการหาสูตรมัฟฟินแบบที่ไม่ต้องง้อน้ำตาล กินได้แบบไม่กลัวอ้วน(มาก) หาจากกูเกิ้ลเช่นเคย แต่เอาหลายสูตรมารวมกันแล้วมาประยุกต์กับของที่มีอยู่ในตู้เย็น เลยได้มัฟฟินแบบใหม่ที่มันครบหมู่ประมาณนั้น แต่ทำมาอร่อยน้า ลองดูๆ ถ้าใครไม่มีแฮมก็ใช้มีทบอลหรือไส้กรอกแทนได้นะจ๊ะ เคยทำแบบใส่มีทบอลก็อร่อยๆ หุหุ สูตรที่ให้ทำมัฟฟินได้หกอัน เพราะไม่อยากเปิดเตาใหญ่ทำค่ะ  ถ้าใครต้องการทำ12ชิ้นก็ดับเบิ้ลสูตรนะจ๊ะ สูตรตามนี้เลยค่าาา

มัฟฟินผักโขม แฮม ชีส (Muffin with Ham, Cheddar Cheese and Spinach) ซูมๆใกล้ น่ากินมว๊าก อิอิ
มัฟฟิน มีทบอล ผักโขม ชีส (Spinach Meatball Cheddar Cheese Muffin) กินกับซอสศรีราชารูปหัวใจ เข้าก๊านเข้ากัน หุหุ...
ส่วนประกอบ: (6 muffins)
  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ (All purpose flour) 3/4 ถ้วยตวง
  2. Baking Powder 1 ข้อนชา
  3. เกลือ 
  4. พริกไทย
  5. ผงกระเทียม (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
  6. ไข่ 1 ฟอง
  7. นมสด 1/2 ถ้วยตวง
  8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ 
  9. ผักโขม Spinach ตามชอบ (ใช้แบบแช่แข็งง่ายดีค่ะ ถ้าใครใช้แบบสดให้นำไปเข้าไมโครเวฟสักไม่เกินนาทีให้มันสลดก็ได้ค่ะ)
  10. cheddar cheese ที่ขูดเป็นเส้นๆ(หรือผสมกับชีสอย่างอื่นด้วยก็ได้ค่ะ) 1/3 ถ้วย หรือตามชอบ
  11. หัวหอมสับหรือหั่นเต๋า 2-3 ช้อนโต๊ะ
  12. แฮม หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตามชอบ (จะใช้เป็น มีทบอลหรือไส้กรอก ก็ได้ค่ะ)
วิธีทำ: ง่ายๆคือแยกของแห้ง กะของเปียก แล้วนำมาผสมกันค่ะ
  • เปิดเตาอบที่ 350 F รอไว้
  • นำของแห้งข้อ 1-4 ใส่ในอ่างผสมแล้วคนให้เข้ากัน พักไว้
  • นำส่วนผสมข้อ 5-7 (ไข่ นม น้ำมันพืช) ใส่รวมกันในอ่างผสมอีกใบคนให้เข้ากันดีโดยใช้whisk หรือส้อมก็ได้ค่ะ
  • นำส่วนผสมของแห้งจากข้อหนึ่งใส่ในส่วนผสมข้อสอง แล้วใช้ไม้พายคนให้เกือบเข้ากันดี
  • แล้วใส่ แฮม, หัวหอมสับ, ชีส, ผักโขม  (ถ้าใช้มีทบอลก็ยังไม่ต้องใส่ไปในขั้นตอนนี้นะคะ) ใช้พายคนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี เคล็ดลับขอบมัฟฟินคือต้องคนแค่ให้พอเข้ากันแล้วหยุดนะคะ อย่าคนนานเกินแป้งจะไม่ฟูนุ่ม  
  • ทาน้ำมันในพิมพ์มัฟฟินกันติด ใส่ส่วนผสมประมาณสามส่วนสี่ของพิมพ์ (ถ้าใช้มีทบอล ก็ให้หยอดส่วนผสมลงไปหนึ่งในสามของถ้วยมัฟฟิน แล้วใส่ meatball ลงไปแล้วค่อยหยอดส่วนผสมลงไปอีก ให้ได้ประมาณสามส่วนสี่ของถ้วยมัฟฟินค่ะ)  
ในภาพเป็น muffin ที่ใส่มีทบอล 
  • นำเข้าอบประมาณ 20 นาที (ลองดูกันนะคะ  อาจน้อยหรือมากกว่านี้) เสร็จแล้ว หม่ำได้เลยคร่า
ham cheese spinach muffin
meatball cheese spinach muffin
อร่อยง่ายๆ จากครัวเล็กๆในคอนโดจ้า

Friday, February 22, 2013

กุ้งทอดครีมสลัด โรยด้วยถั่ววอลนัทน้ำผึ้งหวานๆ หอมๆ ... ง่ายมากๆ

วันก่อนเห็นสูตรอาหารกุ้งทอดครีมสลัดโดยบังเอิญจากในเฟสบุ๊กเพจที่เราไลค์ไว้ พอดูแล้ว โอ้ว... อยากกินอ่ะนึกถึงร้านจีนที่เคยกินมา พอเข้าไปดูสูตรและวิธีทำเสร็จ แว๊...ทำไมเค้าใช้กุ้งต้มและไม่เหมือนที่เราอยากกินเลย ปฏิบัติการค้นหาสูตรในYouTube จึงเริ่มขึ้น ไปได้มาสูตรนึงที่ดูทำง่ายและเหมือนที่เคยกินเลย เพราะมีการโรยถั่ววอลนัทคั่วน้ำผึ้งหวานๆด้วย เสร็จเรา เครื่องปรุงในบ้านครบ ลงมือทำเลย ทำเสร็จ ชิมปุ๊บ อร่อยมากสมกับที่รอยคอย คนชิมส่วนตัวก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมว๊ากกก  หุหุ หน้าตาน่าทานเหมือนร้านเลยทีเดียว...

ซูมๆแบบใกล้ๆ น่ากินสุดๆ

งั้นมาดู ส่วนประกอบเครื่องปรุง กันเลยจ้า
(ปล. ส่วนประกอบอันนี้ดัดแปลงเล็กน้อยจากต้นฉบับเอาตามความสะดวกของเรานะ แม่ครัวคนนี้ไม่เคยทำอะไรตามสูตรเป๊ะๆเลย อิอิ ยังงัยถ้าทำตามก็กะๆเอานะคะ ชิมเอาตามชอบเลย )
  • ถั่ววอลนัท 1/2 ถ้วย
  • เนย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายแดง (brown sugar) ~ 3-4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือนิดหน่อย
  • งาคั่ว (ตามชอบ)
  • มายองเนส 3-4 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 1 ช้อนชา
  • น้ำเลมอน จาก lemon ครึ่งลูก
  • กุ้ง 1 pound
  • ไข่ 1 ฟอง
  • เกลือ & พริกไทย
  • แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย
  • น้ำมัน
  • ผัก Lettuce

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1: คั่ววอลนัทน้ำผึ้ง
  • ตั้งกระทะไฟปานกลาง ใส่เนยลงไป รอจนเนยละลาย ใส่วอลนัทลงไปคั่วสักพักประมาณสองนาที กะว่าดูกรอบๆ
  • ใส่น้ำตาลทรายแดง น้ำผึ้ง เกลือ และน้ำเปล่า คนให้ส่วนผสมเข้ากันให้น้ำตาลละลายให้หมด จะออกแฉะๆหน่อย เติมน้ำเพิ่มได้ถ้ามันแห้งไปแล้วน้ำตาลยังละลายไม่หมดดี ชิมรสตามชอบนะคะ
  • รวนสักแป๊บนึง จนถั่วค่อนข้างแห้ง ก็ใส่งาลงไป คั่วอีกเล็กน้อยพอแห้ง และดูกรอบดีก็ปิดไฟ ตักออกพักไว้ใส่จานค่ะ


ขั้นตอนที่ 2: ทำน้ำสลัด
  • ผสมมายองเนส นมข้นหวาน และน้ำเลมอน เข้าด้วยกัน เป็นอันเสร็จ ง่ายมะ


ขั้นตอนที่ 3: ทอดกุ้ง
  • ตีไข่ในชาม กับ เกลือและพริกไทย
  • เอากุ้งที่แกะเปลือกแล้วทั้งหมด ลงไปในชามไข่ แล้วคนให้ไข่เคลือบกุุ้งให้หมด
  • นำแป้งข้าวโพดใส่ลงไปแล้วคลุกให้ แป้งเคลือบกุ้งให้หมดทุกตัว 
  • นำกุ้งลงทอดในน้ำมันไฟกลางร้อนจัด สัก2-3นาทีจนกุ้งเหลืองกรอบ ตักขึ้นมาพักไว้



ขั้นตอนที่ 4: จัดจานรับประทาน
  • ตักมายองเนสที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2 มาคนผสมกับกุ้งทอดในขั้นตอนที่ 3 
  • นำใบ lettuce มารองในจานเสริฟ ใส่กุ้งที่ผสมมายองเนสแล้วลงไป โรยหน้าด้วยถั่ววอลนัทน้ำผึ้งในขั้นตอนที่ 1 เป็นอันเสร็จ ทานได้แล้วจ้า

Enjoy Eating!!!